ควาย เครื่องบินและแท๊กซี่
โดย พร อันทะ เมื่อ
ฤดูฝน พ.ศ. 2529 / อุดรธานี / บนหลังควาย
ฟ้าครื้มตั้งเค้ามาแต่ไกล ตามสไตล์ฤดูฝนแดนอีสาน ลักษณะอย่างนี้บอกได้คำเดียวว่า หนักแน่นอน ยอดไม้ปลิวไหวกับสายลมอ่อน อ่อน ไม่นานลมเริ่มแรงขึ้น เตรียมพร้อมหอบฝนห่าใหญ่ ปานพายุเข้ากระหน่ำท้องทุ่ง อย่างไม่ปราณีปราศัย และหนักหน่วงอย่างที่มันเคยเป็น
ผมนั่งอยู่บนหลังควายด่อน (ควายตัวสีขาว) มีพี่ชายสองคนจูงควายเดินนำหน้า มุ่งหน้าจาก นา เข้าสู่บ้าน ระยะทาง 3 กิโลเมตรเดิน มันคงไม่เรียกว่าใกล้สำหรับคนกรุงที่ต้องเดิน แต่เราชาวนาต้องเดินจูงควายออกสู่ท้องทุ่งและกลับเข้าสู่ สถานที่พักพิงที่เรียกว่าบ้าน ทุกวัน เช้า ค่ำ มันไม่ไกลเลย
แต่ ด้วยความที่ต้องเดินท่ามกลายสายฝนกระหน่ำ อย่างวันนี้ มันช่างไกลแสนไกล
ด้วยความที่เปียกปอนและพายุพัดแรง ทั้งสามคนและควายหนึ่งตัว ได้เดินมาหยุดอยู่ที่โรงเรียนประจำหมู่บ้าน
ผมบอกได้คำเดียวว่าผมกลัวและร้องไห้ กลัวสายฝนกระหน่ำและเสียงฟ้าร้องฝ้าผ่าที่ดังไล่หลังมา อยู่บนหลังควายแต่มันคงไม่ใช่เป็นสายล่อฟ้า แต่ก็กลัวตามประสาเด็ก
เพียงแค่สายฝน ไม่พอ ลูกเห็บที่กระหน่ำนั่นต่างหาก ที่ทำให้เราต้องหยุดอยู่ที่ โรงเรียน เพื่อหลบพายุ พลิกวิกฤติ เป็นโอกาส ขณะที่ผมกำลังร้องไห้ พี่ชายทั้งสองวิ่งกันวุ่น เก็บลูกเห็บที่หล่นมาจากท้องฟ้าให้ผมกิน เพื่อหลอกล่อให้ลืมความกลัว ได้ผล ผมหยุดร้องและสนุกกับก้อนน้ำแข็งเหล่านั้น พร้อมรอให้ฝนซา แล้วเราก็เดินเปียกปอนกลับบ้านกัน
ฤดูร้อน 25 มีนาคม 2550 / อุบลราชธานี / บนเครื่องบิน
ฟ้าครื้ม ตั้งเค้ามาแต่ไกล ไม่ใช่ฤดูฝน แต่มันจะตก ทำไงได้ ลักษณะอย่างนี้บอกได้คำเดียวว่าหนักแน่นอน ผมนั่งอยู่บนเครื่องบิน สายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบิน FD 3321 เดินทางจากอุบลราชธานี ปลายทาง สุวรรณภูมิ พร้อมๆ กับ กัปตันประกาศ เพื่อให้รอ 5-10 นาที เพื่อให้ฝนซา แล้วจะขึ้นบิน
ผมไม่ได้กลัว แต่ผมเกลียดการนั่งเครื่องบินในขณะที่ฝนกำลังตก ไม่ว่าจะบินขึ้น หรือร่อนลง และผมเจอมันบ่อยด้วยสิ ทำไงได้ มันไม่ได้เดินดินเหมือนผมขี่ควายด่อนตัวนั้นนี่หว่า และพี่ชายไม่ได้มาเก็บก้อนน้ำแข็งให้กินเพื่อหลอกล่อให้ความกลัวหายไปเหมือน เมื่อก่อนแล้ว
10 นาทีผ่านไป ฝนยังไม่หยุดตก แต่ก็พออภัยได้ ความกลัวน้อยลงบ้าง กัปตันคนกล้าก็พาเราบิน
ผมอยู่บนเครื่องบิน นั่งสนทนากับฝรั่ง ชาวอังกฤษ ที่นั่งอยู่ข้างๆ ที่เพิ่งไปเที่ยวลาวมา แลกเปลี่ยนสาระชีวิตกันนิดหน่อย
ฤดูร้อน 25 มีนาคม 2550 / กรุงเทพมหานคร / บนแท๊กซี่
ผมเพิ่งรู้ว่า ผมไม่ควรเดินย่ำไปหาทางออกที่ 7 หรือ 8 เพื่อขึ้นแท๊กซี่ที่ สุวรรณภูมิ ปกติผมจะใช้บริการจุดที่ 5 หรือ 6 มากกว่า
ในที่สุดเรื่องที่ผมกลัวมันก็ได้เกิดขึ้น
การนั่งแท๊กซี่ในแต่ละครั้ง คุณกลัวอะไรบ้างครับ
1. แท๊กซี่ไม่พอใจ ถ้าเราเรียกไปใกล้ ๆ
2. แท๊กซี่หงุดหงิด และไล่ลง กรณีที่เราเรียกไปที่ ที่รถติดๆ
3. แท๊กซี่รับขึ้นรถ แต่บ่นตลอดทาง
4. แท๊กซี่ตีนผี
5. ฯลฯ
ผมออกจะกลัวและเกรงใจแท๊กซี่อยู่ไม่น้อยในเรื่องเหล่านี้ ด้วยลักษณะของคนแบบผมแล้ว มันน่ากลัว
แท๊กซี่ – ไปไหนครับ
ผม – โรบินสันรัชดาครับ
แท๊กซี่ – น้องมาจากไหนอ่ะ?
ผม – อุบลฯ ครับ
แท๊กซี่ – อ้าว ไหงออกมาโผล่ประตู 7 ได้หละ ปกติเห็นแต่ ชาวต่างชาติออกมา
ผม – อ่อ ผมเห็นมันว่างๆ ก็เลยเดินมาต่อคิวครับ
แท๊กซี่ – ไม่น่าเลย อุตส่าห์ เข้ามาดักรอที่ประตู 7 ประตู 8 ได้ ดันเจอคนไทยซะนี่
ผม – (หูเริ่มร้อน แต่ยังนิ่ง) อ่อ ครับ นั่งยิ้มๆ แต่ คิดในใจ เจอแท๊กซี่ เหี้ย เข้าแล้วไหมหละ
แท๊กซี่ – คือมันอย่างนี้นะน้อง วันนี้ วิ่งมาสองรอบแล้ว เจอคนไทยทุกรอบเลย แต่ละคน เนี่ยไปใกล้ๆ ทั้งนั้น เงินค่าเช่ายังไม่ได้เลย
ผม – (คิดในใจ) ไอ้สัด แล้วมันเกี่ยวอะไรกะกูวะ แต่ด้วยความเกรงใจ ไม่ได้พูดไร
แท๊กซี่ – sirg]aer8q30i4Ri k}dJrf[]JWGEDGJSORUT5GUJ]ZDFGJKZDLFKG]-0oikj{oi%^$#$#()__&*^%$r)#904837{f
อาการนั่งนิ่งของผม หลังจากขึ้นแท๊กซี่ผิด เกิดขึ้นอีกครั้ง
ยานพาหนะ ทั้ง 3 ที่ผมได้กล่าวถึงมาข้างต้น
แท๊กซี่ คือ สิ่งที่ผมใช้บริการ บ่อยสุดๆ สองปีที่ผมอยู่กรุงเทพฯ ไปไหนมาไหน แท๊กกกกกกกกกกซี่ มันต้องทำใจบ้าง ที่เจอแท๊กซี่อย่างนี้
นึกไป นึกมา ควายตัวที่ผมนั่งกลับบ้านท่ามกลางพายุ วันนั้น ตอนนี้ มันเข้าสิงใครอยู่หรือปล่าว ระหว่างผม ที่กำลังใช้สิทธิ์ และแท๊กซี่ ที่ไม่อยากทำหน้าที่ แต่อยากใช้สิทธิ์ ขอรับชาวต่างชาติ มากกว่าคนไทย
หลายครั้ง ที่ผมต้องนั่งแท๊กซี่ จากสุวรรณภูมิ เข้าเมือง ท่านที่เคยไป คงรู้ๆ กันอยู่แล้วว่า ค่าแท๊กซี่มันสาหัส บวกค่า สนามบินอีก 50 บาท แถมค่าทางด่วนด้วย 25 บาท ลงพระรามเก้า
ตั้งแต่ผมนั่งแท๊กซี่ จากสุวรรณภูมิ เข้าเมืองมา ผมจ่าย 300 โดยไม่เอาตังค์ทอนสักครั้ง รวมค่าทางด่วนแล้ว ก็ประมาณ 325 บาท ที่ผมต้องจ่าย
ค่ารถปกติ จะอยู่ที่ 170-180 บาท รวมค่าสนามบิน 50 บาท
แต่ผมต้องมาเจอแท๊กซี่ แบบนี้ ผมไม่สบายใจครับ
ถึงแม้มันจะเป็น คนเดียว ของแท๊กซี่ หลายหมื่น แต่มันก็ทำให้ผมไม่สบายใจได้
ไม่ได้ว่าแท๊กซี่ทั้งหมด แท๊กซี่ดีดี มีเยอะแยะ ใช่มั้ยครับ ผมก็ขอขขอบคุณ ท่านพี่ แท๊กซี่ดีๆ ทั้งหลายไว้ด้วยครับ
แต่วันนี้ผมดันซวยเอง ซะงั้น
แต่ หุหุ ไม่ต้องกังวลไป
เที่ยวบินในประเทศ ย้ายไปดอนเมือง กันแล้ว
ผมคงไม่ต้องเซ็งกับแท๊กซี่ สุวรรณภูมิอีก สาธุ
เฮ้อ หนี ไปดูหนังผี ขี่มอเตอร์ไซค์ กับนิโคลาจ เคจ ใน Ghost Rider ดีกว่า เผื่อขี่มอไซค์แล้วสบายใจ
หนังจบ จะได้กลับมาเขียน บทความ CSS XHTML กันต่อ
มีความสุขกับการใช้ชีวิต ตามอัตภาพครับ