บ้านเก่า

โดย พร อันทะ เมื่อ

-1-

เมื่อที่ผ่านมาผมได้แวะกลับไปซดลาบที่รัชดาซอยสิบอีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายไปนาน ขณะที่นั่งรอเพื่อนมาสมทบอยู่นั้นผมก็พลางนึกถึงวันเก่าๆ เพราะร้านลาบรถเข็ญ “ดุ๊ก ลาบยโส รัชดาซอยสิบ” ก็ผ่านสมรภูมิลาบในตำนานมาหลายปี นึกถึงวันแรกที่พี่เขามาเปิดขาย มันก็นานเหมือนกันนะ หก เจ็ดปีเข้าไปแล้ว

ในซอยสิบผู้คนพลุกพล่าน ผิดกับเมื่อก่อน ถ้าเลยสามแยกปากซอยเข้าไปแล้วมีแต่ป่าทั้งนั้น ผมยังจำได้แม่น มีเจ๊คนหนึ่งเคยกล่าวหาว่าผมเป็นโจรวิ่งราวเพราะในซอยมันเปรี้ยวจริงๆ ผมเคยเอาลิ้นเลียชิมมาแล้ว ผสมกับในตอนนั้นเสียงลือเสียงเล่าอ้างก็เยอะพอสมควร บางครั้งเที่ยงวันสาวๆ นั่งทานข้าว โทรศัพย์มือถือวางอยู่ข้างๆ มันวิ่งมาหยิบไปหน้าตาเฉย

ก่อนที่ “กวงทะเลเผา” จะบุกประชิดยึดหัวหาด ร้านลาบยังตั้งอยู่ตรงปากซอยแถวๆ สามแยก ถ้าเกิดวันไหนพวกผมมาครบทีม (ซึ่งสมัยก่อนมันก็ครบทุกวัน) สามแยกนั้นจะกลายเป็นสามแยกปากหมาไปในบัดดล

-2-

สำหรับพื้นที่ที่ความเจริญกำลังจะเข้าถึงมักจะมีตึกสูงที่กำลังจะสร้าง ตึกใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จ ผู้คนหน้าใหม่ที่ยังไม่คุ้นชินกับพื้นที่ ก่อนหน้านี้รัชดาซอยสิบก็อยู่ในสภาวะแบบนั้น ซีเคียวริตี้การ์ดถือเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย

ผมยืนอยู่ข้างพี่ดุ๊ก เจ้าของร้านแกกำลังพักเบรคจากการสาละวนซ๊กเล็ก ซีเคียวริตี้การ์ดหน้าใหม่ หนุ่ม ก็เดินมาจอดที่หน้ารถเข็ญ ปกติแล้วอาหารที่พวกเราเผ่าพันธุ์เดียวกันก็กินลาบดิบๆ พร้อมกำชับ “ขมแป๋ตาย”

“เอาหยังคับ” เจ้าของร้านถามออกมาตามปกติ
“แจ่วซื่อๆ ขายบ่คับ เข่าเหนียวนำ สิบบาท”

ภาพชายทั้งสองยังติดตาผมอยู่เสมอ วันนั้นพี่ดุ๊กทำแจ่วให้ไป ข้าวเหนียวสองถุง คิดตังค์ห้าบาท พร้อมทั้งยังมีเรื่องราวมากมายผุดผายขึ้นมาขณะที่เขายังยืนรอแจ่วอยู่ตรงนั้น

-3-

“อ้ายสิตีเข่ามื้อแลงเด้อ มื้ออื่นขนขึ่นเฬ่า”

SMS จากพี่ชายส่งมา ผมเพิ่งนึกได้ ว่าเคยบอกแกไว้จะกลับมาตีข้าวด้วยกัน (ตีข้าวคือไรฟะ) แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ไป สงสัยคงหลังปีใหม่ถึงจะได้ไป “ลงปลา” ไม่ว่าจะเป็นการกลับไปเยี่ยมที่บ้านครั้งใด ผมก็อดไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ จะได้กลับมา ผมเคยถามพี่ชายว่าทำไมต้อง “hit rice” ทำไมไม่สี เพราะทุกวันนี้เทคโนโลยีไปถึงไหนแล้ว สีง่ายเสร็จเร็ว แกตอบมาฉับไว ปีก่อนๆ ก็สีนั่นแหละ แต่ข้าวมันหายไปตามเครื่องสีหลายกระสอบ กลับมาตีเอาดีกว่า ข้าวน่าจะอยู่ครบทุกเม็ด ที่เหลือก็เอาไปเกียหนู เกียไก่

สงกรานต์ปีหน้าคงต้องถึงเวลา ขุดสระเลี้ยงปลา ปลูกกล้วย ปลูกหญ้า (ปลูกหญ้าแซมกล้วย) ในที่ดินผืนเล็กๆ เท่าหอยเท่าปูที่พี่สาวแบ่งไว้ให้ เผื่ออนาคตจะได้กลับไป “บ้านเก่า” ทำเซฟเฮ้าส์ไว้ต้มเหล้ากินเอง

เหมือนจะอยู่นาน แต่คงอยู่ไม่นาน

มีความสุขกับการใช้ชีวิตครับ