มีชีวิต ใช้ชีวิต
โดย พร อันทะ เมื่อ
ครั้งที่ 4 ในรอบสามปี มันก็จะสะบายๆ หน่อย ไม่มีใครเร่งรีบทั้งผู้ป่วย แพทย์และพยาบาล มันเหมือนหนังม้วนเก่าเอามาฉายซ้ำ ให้เห็นถึงความหมายของการมีชีวิต สำหรับมนุษย์ผู้ที่ไม่ต้องป่วยไข้ ไม่พึ่งพาการรักษา ก็ขอให้ท่านเหล่านั้นสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงตลอดไป ขอแสดงความยินดีกับทุกคนด้วย
วงเวียน
มันไม่ง่ายที่จะสลัดเรื่องราวเลวร้ายเก่าๆ ในใจทิ้งออกไปได้หากตราบใดที่ปัจจุบันชีวิตนั้นต้องวนกลับมาประสบพบเจอกับเหตหารณ์คล้ายๆ เดิม ซ้ำๆ
บ้างบางคน บางเรื่อง บางราวที่ต้องการหนีความเจ็บปวดรวดร้าว ต่างก็แสร้งลืมโดยการใช้เวลาเป็นเครื่องรักษา แต่ในหลายเรื่องราว หลายคนก็เลือกที่จะหนีจากสภาพแวดล้อมเดิมๆ หนีไปให้ไกล ใช้สภาพแวดล้อมใหม่เป็นสิ่งเยียวยา
ไม่ว่าจะอย่างไร “ต่างคนต่างมีแสงสว่างในตนเอง” ในที่สุดก็คงพบทางออก
เรื่องราวดีๆ หากเกิดขึ้นซ้ำๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าปิติ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่น่าพิศมัยวลัยอารมณ์นั่นแล้วก็คงเป็นสิ่งที่ทำให้เรานั้นต้องกลับมานั่งครุ่นคิดพิจารณาว่าจะมีวิธิการอันใดที่จะป้องกันหรือลดทอนความเสี่ยงของชีวิตเราในอนาคตได้บ้าง
สำมะหาอันใดแห่งชีวิตที่ตั้งใจจะใช้ ความอยากที่จะมี ความฝันที่จะเป็นก็คงไม่อยากให้เรื่องราวของความบกพร่องแห่งสุขภาพกายมาเป็นตัวชะลอความสำเร็จ แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปากเต็มคำว่ามันทำให้ทุกอย่างช้าลงแบบเป็นผลกระทบต่อเนื่อง
ภาพเก่า
ผมเลือกพักห้องที่ใหญ่และดีที่สุดเท่าที่โรงพยาบาลจะจัดหาให้ได้เพียงเพราะภาพที่เราสามคนพ่อ แม่ ลูกต้องกางมุ้งนอนให้อาหารยุงพร้อมๆ กับนั่งดูผู้คนวิ่งออกกำลังกายรอบสระหน้าตึกผู้ป่วยของโรงพยาบาลศรีนครินทร์ยังชัดเจนให้ห้วงความทรงจำ
ภาพที่พ่อกับแม่ตวาดผมเสียงดังเพียงเพราะแอบกินองุ่นหนึ่งลูกในตอนเช้าก่อนเข้าห้องผ่าตัดก็ยังวนกลับมาฉายซ้ำอยู่เรื่อยไป
ภาพที่การนั่งรถเมล์หวานเย็น ขอนแก่น-อุดร กลับบ้านพร้อมกับกลิ่นเหม็นไหม้ของผ้าเบรคที่สูดเข้าไปทีไรผมต้องอาเจียนออกมาพร้อมเลือดที่เกิดจากแผลในลำคอเสมอๆ
พ่อจากไปนานแล้ว…
ทรงจำ
หลายคนมีคำถามกับผมว่า ผมจะแสดงกล้ามดากไว้หนวดอันไม่สมประกอบ ไว้เคราหยิบหยอยพิกลพิการบนใบหน้าเหลี่ยมๆ ที่มีพิรุธตลอดเวลานี่ทำไม ซึ่งวันก่อนพี่ชายของผมก็ถามผมว่า “ทำไมไม่โกนทิ้ง ทีผมบนหัวเนี่ยมึงยังสกินเฮดเป็นว่าเล่น”
บางคนแค่เพียงเหนื่อยล้า เขายังเดินเข้าป่าได้
ถ้าคิดถึงพ่อ เราก็ไว้หนวดเหมือนพ่อได้ใช่ไหม
นั่นคือสาเหตุเดียวที่ผมไว้หนวด แม้ว่ามันจะดูไม่เข้าท่าเข้าทางสักเท่าไหร่ แต่มันก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมเลือกทำมากว่าสิบปี
ความทรงจำหลายอย่างมีเอาไว้เพื่อเป็นพลังช่วยให้เราก้าวไปข้างหน้า ต้นทุนชีวิตเราไม่เท่ากัน แต่เราก็มีชีวิตเหมือนกัน หายใจเหมือนกัน แม้สิทธิเสรีภาพจะติดขัดไปบ้าง แต่อย่างน้อยเราก็ยังมีพื้นที่เหลือให้ใช้ชีวิต
เตือนใจตัวเอง ใช้ชีวิตให้เหมือนนักวิ่งมาราธอน ช้ามากได้บ้างแต่อย่าหยุด หนทางยังอีกยาวไกล เส้นชัยสำคัญในช่วงชีวิตตัวเองหรือไม่ ยังเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ
มีความสุขตามอัตภาพบ้างจะเป็นไรไป อย่างน้อยชีวิตนี้ก็ไม่ได้ทุกข์ไปซะหมด